VeHIFU ยกกระชับ
⟩⟩ VeHIFU ⟨⟨
ให้ผลชัดเจนกว่าไฮฟูทั่วไป
คุณกัสกี้
คุณผักกาด
คุณมะลิ
คุณแป้ง
โมนาณ์คลินิก คุณหมอดูแล ทำเองทุกเคส พร้อมทั้งเครื่องมือ อุปกรณ์ที่ได้รับการรับรอง อย. ทุกชนิด จึงสามารถมั่นใจได้ว่า คลินิกมีมาตรฐานและปลอดภัย
มาดู 3 จุดหลักๆ ที่เหมาะกับการยกกระชับด้วย VeHIFU
"คุณหมอบุ๋ม" มีประสบการณ์และชำนาญในการทำ VeHIFU มามากมายหลายเคส พร้อมทั้งพนักงานที่มีความเชี่ยวชาญ ได้รับการอบรมสม่ำเสมอ ปกติแล้วคุณหมอจะประเมินรูปหน้าก่อน และเวลาทำจะค่อยๆทำอย่างละเอียด
รีวิวเคส VeHIFU ความประทับใจจากคุณน้ำหวาน
สารบัญ (คลิกเลือกอ่าน)
- HIFU (ไฮฟู) ยกกระชับ คืออะไร
- VeHIFU แตกต่างจาก HIFU ทั่วไป อย่างไร
- HIFU ดีไหม เหมาะกับใคร ช่วยอะไรได้บ้าง
- HIFU ทำงานอย่างไร ช่วยผิวได้อย่างไร
- HIFU มีข้อดี ข้อเสีย อย่างไรบ้าง
- HIFU มีขั้นตอนการทำอย่างไรบ้าง
- ทำ HIFU ไปแล้วจะเห็นผลเมื่อไร
- ทำ HIFU แล้ว ผลอยู่ได้นานแค่ไหน
- ทำ HIFU ไปแล้ว จะต้องทำซ้ำอีกเมื่อไร
- HIFU เจ็บไหม
- คำแนะนำ หลังทำ HIFU หลังทำต้องปฏิบัติตัวอย่างไรบ้าง
HIFU (ไฮฟู) ยกกระชับ คืออะไร
HIFU (ไฮฟู) ย่อมาจาก "High intensity focused ultrasound" นวัตกรรมการกระชับผิวหน้า โดยไม่ต้องใช้เข็ม เป็นการใช้คลื่นเสียง (พลังงานอัลตราซาวด์) ความเข้มข้นสูง กระตุ้นผิวชั้นลึกเพื่อช่วย "ยกกระชับหน้า ให้ผิวตึงมากขึ้น ลดความหย่อนคล้อย"
โดยเราเรียกผิวชั้นลึกส่วนนี้ว่าชั้น SMAS (สะ-แมส) ซึ่งชั้น SMAS นี้จะวางตัวอยู่เป็นโครงตาข่ายยึดทั่วหน้า ถ้าอายุมากขึ้น ชั้น SMAS นี้ก็จะเสื่อม หย่อนคล้อยลงได้ ปกติแล้วการผ่าตัด ศัลยกรรมดึงหน้า ก็จะเข้าไปผ่าดึงชั้น SMAS นี้เองให้ตึงขึ้นค่ะ
VeHIFU แตกต่างจาก HIFU ทั่วไปอย่างไร
VeHIFU เป็นโปรแกรมเฉพาะ ที่หมอออกแบบมาเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า HIFU ปกติทั่วไป
1. "พลังงานเสถียร"
2. "พลังงานมีความแม่นยำสูง" ทำให้แต่ละช๊อตที่ยิง ไปกระตุ้นชั้นผิวได้ดีและได้อย่างตรงจุดจริงๆ
3. "เทคนิคยิงพลังงานตามลายปัญหาผิว" ซึ่งต้องใช้ทักษะและประสบการณ์ของคุณหมอ ที่จะรู้ว่าตรงไหนควรเน้น ควรใช้พลังงานสูงต่ำแค่ไหน และจุดไหนควรเลี่ยงค่ะ
เมื่อเวลาผ่านไป ผิวหน้าทุกคนต้องหย่อนคล้อยลงเรื่อยๆ เมื่อก่อนในคนอายุมาก ถ้าต้องการให้หน้ายกกระชับเต่งตึงขึ้น ก็ต้องไปผ่าตัดดึงหน้า
การผ่าตัดดึงหน้านี่เองที่หมอผ่าตัดเค้าจะผ่าไปที่ชั้นผิวส่วนลึก เรียกว่า ชั้น SMAS (สแมส) ซึ่งเป็นชั้นที่เชื่อมชั้นผิวกล้ามเนื้อบนลงไปยังพังผืดส่วนล่างเวลาผ่าดึงชั้นนี้ขึ้น จะทำให้ใบหน้าตึงกระชับขึ้น
แต่ข้อเสียอย่างหนึ่งของการผ่าตัดคืออาการหลังผ่า ที่ "บวมช้ำ ต้องพักฟื้นนาน" และถึงผิวเต่งตึงขึ้นแต่ "สภาพผิวส่วนบน" ก็ยังไม่ได้รับการแก้ไขได้
ปัจจุบันเราจึงเห็นเทคโนโลยีการแพทย์ใหม่ ๆ ที่ถูกพัฒนาขึ้น เช่น "HIFU" นี้เอง ที่ทำได้ง่ายมากขึ้น ใช้เวลาทำไม่มาก เวลาพักฟื้นน้อยลง อาจเรียกว่าไม่ต้องพักฟื้นเลยด้วยซ้ำ และยังไห้ผลการยกกระชับที่ดีอีกด้วย
หลังทำ ผิวหน้าจะไม่มีแผล ไม่บวม ไม่แดงค่ะ เหมาะกับคนที่ต้องไปทำกิจกรรมต่อ หรือสามารถกลับไปทำงานได้ตามปกติเลย
HIFU ดีไหม เหมาะกับใคร ช่วยอะไรได้บ้าง
HIFU เหมาะที่จะทำได้กับทุกเพศ ทุกวัย โดยอายุที่สามารถเริ่มทำได้ตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป จนถึง 60-70 ปีเลย แต่ผลที่คาดหวังแต่ละช่วงวัยก็แตกต่างกันไปด้วยค่ะ
- ในคนอายุน้อยๆ ส่วนใหญ่ผิวมักมีความยืดหยุ่นดี กระชับดีอยู่แล้ว เนื่องจากคอลลาเจนยังแน่น แต่ปัญหามักเกิดจาก Fat หรือไขมันแก้มเยอะ เหนียงเยอะ ดังนั้นการเริ่มต้นดูแลด้วย HIFU จึงเน้นเป็นการปรับรูปหน้าให้เล็กเรียวขึ้นมากกว่า ซึ่งมักได้ผลดีในคนที่อายุยังน้อย
- ส่วนในคนที่อายุมากขึ้น เริ่มเข้าวัยกลางคน อายุ 30-40 ปี การทำ HIFU จะไปเน้นที่ความกระชับ กระตุ้นผิวชั้นลึก เพื่อให้ชั้น SMAS ตึงขึ้น จึงช่วยลดความหย่อนคล้อย ผิวแน่น เพิ่มคอลลาเจนให้ผิว ช่วยให้ผิวดูอ่อนวัยขึ้น
- ส่วนคนที่อายุมากขึ้นอีก เช่นวัย 50-70 ปี ก็ยังสามารถทำ HIFU ได้เช่นกันค่ะ แต่วัยนี้จะเน้นไปที่การเพิ่มคอลลาเจนให้ผิว ลดริ้วรอยชั้นตื้นเป็นหลัก เพื่อให้ผิวหนาชะลอการเกิดริ้วรอยมากขึ้นนั้นเอง
HIFU (ไฮฟู) ทำงานอย่างไร
เนื่องจาก HIFU (ไฮฟู) ถูกพัฒนาเลียนแบบการผ่าตัดดึงหน้า ดังนั้นพลังงานอัลตราซาวน์ ก็จะถูกยิงเจาะจงลงไป ลึกยังชั้น SMAS เช่นกัน
>>> หมอจะยิงพลังงานลงไปเป็นจุดๆ (Focus) ในบริเวณที่ต้องการ
>>> ชั้น SMAS จะเสมือนถูกเย็บเป็นแผลทั้งหมด
>>> ทำให้ผิว "กระชับมากขึ้น"
HIFU (ไฮฟู) ทำไปแล้ว เห็นผลเมื่อไร
โดยหลักการแล้ว การกระตุ้นผิวชั้นลึก (SMAS) ด้วย HIFU (ไฮฟู) จะต้องใช้เวลาประมาณ 3-4 สัปดาห์ จึงจะเห็นผลยกกระชับได้ชัดเจนเพราะชั้นผิวต้องใช้เวลาในการสร้างเนื้อเยื่อ กระตุ้นคอลลาเจน
หลังทำ จะรู้สึกได้เลยว่า หน้าตึงกระชับขึ้นหลังทำทันที ประมาณ 20-30% ซึ่งมาจาก ชั้นผิวที่หดตัว พลังงานความร้อนที่เกิดขึ้นใต้ชั้นผิวและการเพิ่มขึ้นของการไหลเวียนเลือดซึ่งจะรู้สึกได้ทันทีว่าหลังทำผิวจะอุ่นๆขึ้น รู้สึกหน้าตึงๆ และยกกระชับมากขึ้นกว่าเดิม
HIFU ทำแล้ว อยู่ได้นานแค่ไหน
>>> ผลยกกระชับใบหน้าอยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือน ขึ้นกับรูปหน้า และความหย่อนคล้อยของแต่ละคนด้วย ซึ่งโดยภาพรวมแล้ว
>>> โดยปกติ หลังผิวถูกกระตุ้น จะเห็นผลชัดเจนที่ 1-3 เดือน
>>> และผิวก็ยังจะถูกกระตุ้นให้กระชับมากขึ้น ต่อเนื่องไปอีก 4-6 เดือน
ซึ่งก็ขึ้นกับว่าคนๆนั้นหากมีการบำรุงผิวต่อเนื่อง ดูแลร่างกายดี ออกกำลังกาย ทานผักผลไม้ ไม่สูบบุหรี่ และไม่ดื่มแอลกอฮอล์หนักๆ ผลของ HIFU (ไฮฟู) ก็จะอยู่ได้ยาวนานมากขึ้นค่ะ
HIFU (ไฮฟู) ต้องทำซ้ำอีกเมื่อไร
หมอได้ทำตารางของ VeHIFU มาให้ดูนะคะ ว่าเวลาที่เราทำไฮฟูไปแล้ว ควรทำซ้ำ เพื่อกระตุ้นผิวอีกครั้งเมื่อไร เพื่อให้ได้ผลที่ดียิ่งขึ้นค่ะ หมอยังคงชอบผลของ VeHIFU เสมอ เพราะทุกๆครั้งที่ทำไป หลังทำ เห็นผลทันทีประมาณ 30% และ ชัดเจนขึ้นที่ 3-4 อาทิตย์
อย่างไรก็ตาม ต้องดูรูปหน้าด้วย ว่าเดิมเป็นอย่างไร มีแก้มเยอะไหม หย่อนคล้อยมากไหม เพราะอาจจะต้องทำร่วมกับการรักษาอื่น จะยิ่งได้ผลดียิ่งขึ้น
หมอแนะนำ สำหรับคนที่ไม่เคยทำ ให้ทำ" ปีละ 2-3 ครั้ง " และเพื่อให้ได้ผลที่ชัดเจนขึ้น ให้ทำซ้ำครั้งที่ 2 ที่ 3 - 4 เดือน และทำซ้ำครั้งที่ 3 ที่ 8-10 เดือน ทั้งนี้ขึ้นกับสภาพผิวหน้าของแต่ละคนที่หมอต้องประเมินอีกทีด้วยค่ะ ถ้าทำต่อเนื่องได้ประมาณนี้ ผลของ VeHIFU ก็จะอยู่ได้นานยิ่งขึ้นนะคะ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการยกกระชับหน้า แต่ไม่อยากโดนจิ้มเข็ม ไม่ชอบฉีด
HIFU เจ็บไหม
ความรู้สึกขณะทำ HIFU คือ จะมีความรู้สึกจี๊ดๆ ใต้ผิวเล็กน้อยค่ะ บางท่านอาจจะรู้สึกอุ่นๆ แต่จะไม่ได้เรียกว่าเจ็บมากจนทนไม่ได้ ปกติการกระตุ้นผิวด้วยพลังงานไฮฟู จะต้องสูงพอประมาณ เพื่อที่จะกระตุ้นผิวได้อย่างเหมาะสม ดังนั้นอาจจะต้องมีความรู้สึกขณะทำได้บ้าง ซึ่งคุณหมอจะต้องใช้ประสบการณ์ เพื่อประเมินขณะทำอยู่เสมอ โดยหากใครกลัวเจ็บสามารถทายาชาก่อนทำได้ค่ะ
ส่วนหลังทำเสร็จ จะรู้สึกได้เลยว่าผิวแน่นขึ้น ตึงๆอุ่นๆ หรือเมื่อยๆกรามได้บ้างค่ะ เนื่องจากช่วงแรกหลังทำทันที พลังงานจะยังแน่นอยู่ในผิว เมื่อมองกระจกจะเห็นว่าผิวกระชับขึ้น แน่นขึ้นเลยประมาณ 20% ส่วนผิวจะออกอมชมพูเล็กน้อยเท่านั้น โดยที่ไม่มีแผลไม่มีบวมแดงค่ะ
คำแนะนำหลังทำ HIFU ต้องปฏิบัติอย่างไรบ้าง